tourtemple.gif (14102 bytes)

Tour temple / ภาคเหนือ / ภาคกลาง / ภาคอีสาน

ภาคใต้ / กรุงเทพมหานคร

กรุงเทพมหานคร

prakeaw.jpg (20026 bytes)


วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

     วัดพระศรีรัตนศาสดารามเรียกง่ายๆว่าวัดพระแก้วเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในในเขต       พระบรมมหาราชวัง จึงทำให้มีลักษณะ ที่แปลกกว่าวัดอื่นๆ คือไม่มีพระสงฆ์ จำพรรษาอยู่ในวัดนี้เลย
     พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นเมื่อ พ.ศ.2325   พร้อมกับพระบรมมหาราชวัง โดยมีพระราชประสงค์เพื่อให้เป็นที่ ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปตมากร หรือ
พระแก้วมรกต ซึ่งแกะสลักมาจากหยกสีเขียวเข้ม             

     เครื่องทรงของพระแก้วมรกตมีเครื่องทรงฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว   ซึ่งเครื่องทรงเหล่านี้ทำด้วยทองคำประดับ เพชร   และพระมหากษัตริย์ประจำรัชกาล ต้องเสด็จฯไปเปลี่ยนเครื่องทรงประจำฤดูเอง
ปราสาทพระเทพบิดร เป็นปราสาทจตุรมุขยอดปรางค์ สร้างในสมัยร.4 ภายในประดิษฐานพระบรมรูป พระมหากษัตริย์ แห่งราชวงศ์จักรีตั้งแต่รัชกาลที่ 1 - 8   ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จฯไปทรงถวาย ราชสักการะพระบรมรูป พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ ในวันที่ 6 เม.ย. ของทุกปี อันเป็นวันที่ระ ลึกถึงพระมหาจักรีวงศ์ หรือที่เราเรียกว่า "วันจักรี"  พระมณฑป  ภายในพระมณฑปประดิษฐานตู้พระไตรปิฎกประดับมุก   ที่ใช้เก็บรักษาพระไตรปิฎกฉบับทอง  

วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

arun.jpg (23529 bytes)

     วัดอรุณราชวรารามมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา   ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา แต่เดิมมีชื่อว่า"วัดมะกอก"   ต่อมาในกรุงธนบุรีได้เปลี่ยนมาเรียกว่า "วัดแจ้ง" วัดนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี  

    ภายในวัดนี้ประกอบด้วย พระปรางค์ เป็นสิ่งสำคัญที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของวัดอรุณอยู่ด้านหน้า ซึ่งพระปรางค์องค์นี้ สร้างในสมัย ร.2 และ ร.3  มีความสูง 82 เมตร มีประตูทางเข้า 9 ประตู    ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีเป็นลวดลายต่างๆ  ยอดพระปรางค์เป็นพระนภศูล มีมงกุฎปิดทองครอบ รอบพระปรางค์มีปรางค์ทิศ 4มุม และมณฑปทิศ 4 มุม ประดับด้วย กระเบื้องเคลือบหลากสี เป็นลวดลายต่างๆ ตั้งสลับกันไป  พระอุโบสถหรือโบสถ์ เป็นสถาปัตยกรรมที่สำคัญและสวยงาม มากในสมัยรัชกาลที่ 2   พระประธานในพระอุโบสถมีพระนามว่า พระพุทธธรรมิศรราชโลกธาตุดิลก เป็นพระพุทธรูป ปางมารวิชัย   หล่อในสมัยรัชกาลที่ 2 ซึ่งพระองค์ทรงปั้นพระพักตร์ของพระพุทธรูปด้วยตนเอง บริเวณใต้ฐานชุกชีเป็นที่ บรรจุพระบรมอัฐของ พระองค์ด้วย  วัดนี้จึงเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 2     ด้านหน้าของระเบียง มี ตุ๊กตาหินรูปทหารจีน ตั้งอยู่เป็นแถวถึง 144 ตัว   ประตูด้านหน้าโบสถ์ เป็น ซุ้มประตูพระยอดมงกุฎ   ซึ่งสร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นประตูจตุรมุข     บริเวณด้านหน้ามียักษ์ยืนอยู่ 2 ตัว เป็นยักษ์แบบ ไทย  สูงประมาณ 6 เมตร ยักษ์สีขาวมีชื่อว่า สหัสเดชะ ส่วนยักษ์สีเขียว ชื่อว่า ทศกัณฐ์ ยักษ์สองตัวนี้ปั้นด้วยปูนประดับกระเบื้องเคลือบสี      พระวิหาร ซึ่งมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมคล้ายกับ โบสถ์  พระประธานในวิหาร คือ พระพุทธชัมภูนุทมหาบุรุษลักขณาอสีตยานุบพิตร

 

benjama.jpg (12433 bytes)

   วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร
   วัดเบญจมบพิตร แต่เดิมเป็นเพียงวัดเล็กๆมีชื่อว่า "วัดแหลม" หรือ"วัดไทรทอง" วัดนี้ได้รับการปฏิสังขรณ์ ครั้งใหญ่ในสมัย ร. 5 และได้พระราชทานนามว่า "วัดเบญจมบพิตร" หมายถึงวัดของพระเจ้าแผ่นดิน ร. 5 พร้อมกับทรงเพิ่มสร้อยนามว่า"ดุสิตวนาราม"

   พระอุโบสถ ของวัดเบญจมบพิตรได้ชื่อว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามและสมบูรณ์อย่างหาที่มิไม่ได้ตามลักษณะของ ศิลปะไทย   ผู้ออกแบบการสร้างพระอุโบสถหลังนี้คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ   เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์   ตัวพระอุโบสถทั้งหลังสร้างด้วยหินอ่อนสีขาว มีลักษณะเป็นจตุรมุขหลังคาซ้อน 4 ชั้น มี พระระเบียง ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ที่ออกแบบได้งดงามรับกันทุกชิ้น   หลังคามุมด้วยกระเบื้องกาบูเคลือบสีเหลือง   ภายในพระอุโบสถบนเพดาน ประดับดาวกระจาย 232 ดวง ดาวใหญ่ระย้า 11 ดวง พระประธาน คือ พระพุทธชินราชจำลอง ปางมารวิชัยซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดให้จำลองมาจากองค์จริง         นอกจากนั้นยังมี พระระเบียง มีลักษณะเป็นมุขกระสัน สร้างต่อจากพระอุโบสถ   พระที่นั่งทรงผนวช   และพระวิหารสมเด็จ

   rakangd.jpg (8036 bytes)

    backdoor.gif (3615 bytes)     homej.gif (2462 bytes)